เคล็ดลับสุขภาพ
อาการและสาเหตุของการปวดคอเรื้อรัง 5 ประเภท
อาการปวดคอเป็นหนึ่งในประเภทที่พบมากที่สุดของความรู้สึกไม่สบายในร่างกายมนุษย์ ขณะที่สาเหตุส่วนใหญ่ของความเจ็บปวดอยู่ที่ความตึงเครียด
หรือหนักเกินไป บางครั้งการปวดคอเรื้อรังอาจเกิดจากสิ่งที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิง รวมไปถึงชนิดของการรักษาก็แตกต่างกันตามไปด้วย
เช่นเดียวกับโรคอื่นๆ หรือวิธีปฏิบัติทางการแพทย์ อาการปวดคอเรื้อรังควรได้รับการวินิจฉัยโดยเร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้โดยแพทย์ สร้างความมั่นใจกับผู้ป่วยว่าจะได้รับการรักษาอย่างรวดเร็วแทนที่จะปล่อยให้ช้าไป (ซึ่งอาจจะเพิ่มการรักษามากขึ้นเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพ)
บทความนี้ได้จากการสำรวจอาการปวดคอเรื้อรังที่พบบ่อยที่สุด 5 ชนิด และสาเหตุเบื้องหลัง หวังว่าข้อมูลที่ให้มาจะเป็นประโยชน์และให้คำตอบที่คุณต้องการ
1- อาการปวดคอที่จะขยายไปลงแขน อาการปวดคอประเภทนี้มักจะเกิดจากหมอนรองกระดูกคอทับเส้นประสาท (cervical herniated disc) หรือโพรงกระดูกสันหลังตีบแคบ (foraminal stenosis) มีผลกระทบต่อเส้นประสาทที่อยู่ในลำคอ ขึ้นอยู่กับว่าอาการปวดรุนแรงแค่ไหน หรือมันตอบสนองต่อการรักษาไหม และเส้นประสาทคอที่ได้รับผลกระทบมากหรือน้อย แพทย์จะตัดสินใจว่าจำเป็นที่จะต้องใช้วิธีการผ่าตัดอย่างไร ในกรณีเช่นนี้ ถ้าความเจ็บปวดได้รับการตอบสนองต่อการรักษา 6-12 สัปดาห์ผ่านมาแล้ว ไม่มีความจำเป็นต้องผ่าตัด
2- อาการปวดคอที่ให้ความรู้สึกเลวร้ายในตอนเช้ามากกว่าในตอนเย็น มักจะพบในผู้ป่วยโรคข้อเสื่อม (osteoarthritis) คนเหล่านี้จะรู้สึกดีขึ้นเมื่อได้เคลื่อนไหวคอ และเนื่องจากไม่ได้เคลื่อนไหวในช่วงกลางคืน ตอนเช้าจึงรู้สึกเจ็บปวดมาก ความเจ็บปวดนี้เกิดจากการเสื่อมสภาพของกระดูกอ่อนที่ยึดติดกับกระดูก ซึ่งนำไปสู่แรงเสียดทานจำนวนมาก และอาการปวดมากขึ้นสำหรับผู้ป่วย
3- อาการปวดคอเรื้อรังระดับต่ำ อาจเกิดจากสิ่งต่างๆ มากมาย รวมถึงกิจกรรมที่สร้างความตึงเครียดที่ลำคอ ความเจ็บปวดประเภทนี้มักจะเป็นไม่นาน และอาการจะเกี่ยวข้องกับระดับกิจกรรมของผู้ป่วย ยิ่งใช้ไหล่และคอมาก อาการปวดยังคงมีอยู่มากขึ้น
4- เมื่ออาการปวดคอมาพร้อมกับอาการปวดแขน และผู้ป่วยไม่สามารถใช้แขนและขาทำงานร่วมกัน สาเหตุของอาการปวดอาจเกิดจากสภาพที่เรียกว่า กระดูกสันหลังส่วนคอตีบแคบ (Cervical Spinal Stenosis) ด้วยโรคไขสันหลัง Myelopathy อาการจะมีวิวัฒนาการช้าจากหมอนรองกระดูกคอเลื่อน ทับเส้นประสาท (Cervical Herniated Disc) หรือจากการเสื่อมสภาพในข้อต่อ ส่วนใหญ่อาการจะอยู่นิ่งๆ เป็นปี แล้วพัฒนาขึ้นและก็อยู่นิ่งอีกครั้ง ภาวะนี้สามารถรักษาได้ แต่ถ้าเป็นอย่างรุนแรง แพทย์จะแนะนำให้ผ่าตัด เช่นเดียวกับกรณีกระดูกสันหลังแตก
5- โพรงกระดูกสันหลังตีบบริเวณคอ (Cervical foraminal stenosis) ก่อให้เกิดอาการปวดคอที่พัฒนาอย่างช้านานนับปี และแสดงอาการเมื่อผู้ป่วยมีกิจกรรมหรืออยู่ในท่าทางบางลักษณะ อายุของข้อต่อคอเป็นสาเหตุที่พบบ่อยที่สุด และสามารถวินิจฉัยอาการได้หลายวิธี (ตรวจคลื่นแม่เหล็ก (MRI), ตรวจโรคเอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT scan), ตรวจระบบไขสันหลัง (myelogram), และอื่นๆ) แม้ว่าสิ่งแรกที่แพทย์แนะนำคือ ให้รักษาโดยออกกำลังกายและฉีดยาร่วมกัน แต่การผ่าตัดจำเป็นมากขึ้นในสภาพที่ไม่ต้องตอบสนอง (ซึ่งลดระดับการปวดของผู้ป่วย) แน่นอนว่าการปวดคออาจเกิดจากสาเหตุทางการแพทย์อื่นๆ เช่นกัน แต่จะพบน้อย ตัวอย่างหนึ่ง เช่น มีการติดเชื้อในลำคอที่เป็นเหตุให้เกิดอาการปวดในผู้ป่วย
คุณควรไปพบแพทย์เพื่อให้แน่ใจว่าตรวจหาสาเหตุของอาการปวดคอเรื้อรังได้ เขาจะตรวจและบอกถึงสภาพทางการแพทย์ที่เป็นสาเหตุของอาการปวดคอ แพทย์จะทำการตรวจร่างกาย (มองหาสิ่งต่างๆ เช่น อาการชา รู้สึกเสียวซ่า หรือมืออ่อนแรง) และถ้ามีอาการปวดร่วมอยู่ด้วย จะต้องดำเนินการทดสอบแบบอื่น (เช่น ถ่ายภาพรังสี (X-rays), ตรวจคลื่นแม่เหล็ก (MRI) และ ตรวจโรคเอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT scan)) นอกจากนี้ถ้าความเจ็บปวดเกิดจากการบาดเจ็บ การทดสอบดังกล่าวจะช่วยเป็นอย่างดีการรักษาทั่วไปกรณีมีอาการปวดคอ จะใช้การออกกำลังกาย, การใช้แผ่นความร้อนประคบบริเวณที่เจ็บ, รับประทานยา (เช่น แอสไพริน (Aspirin), ไทลีนอล (Tylenol) หรือ ไอบูโพรเฟน (ibuprofen) เป็นต้น) และใช้น้ำแข็งในบริเวณปวด แพทย์อาจแนะนำให้นวดและฝึกโยคะ โดยหลีกเลี่ยงความตึงเครียดลำคอมากที่สุดเท่าที่เป็นได้ (ซึ่งเห็นได้ชัดว่าจะทำให้สภาพแย่ลง) อาการปวดคอสามารถหลีกเลี่ยงได้ด้วยวิธีการต่างๆ และวิธีหนึ่งคือ ระมัดระวังลักษณะท่าทางในระหว่างวัน ท่าที่มีลักษณะงอตัว นั่งตัวไม่ตรง และเท้าไม่ได้วางราบกับพื้น เมื่อคุณนั่ง เป็นสาเหตุที่พบว่านำไปสู่อาการปวดคอเรื้อรังในที่สุดนอกจากนี้ การนั่งหน้าคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน สามารถทำร้ายคอของคุณได้ ควรพักเป็นช่วงเล็กๆ เพื่อยืดเหยียดบ่อยครั้ง (โดยเฉพาะอย่างยิ่งทุกชั่วโมง) ให้แน่ใจว่าเตียงและหมอนถูกต้องตามสุขลักษณะและมีคุณภาพสูง
เชื่อหรือไม่ว่า การสูบบุหรี่สามารถขัดขวางการทำให้อาการปวดคอเรื้อรังดีขึ้น เพราะมันทำให้เลือดไหลช้าลง และทำให้กระบวนการซ่อมแซมเนื้อเยื่อยากมากขึ้น การสูบบุหรี่ถือเป็นสิ่งต้องห้ามอย่างเด็ดขาด เมื่อคุณต้องการบรรเทาจากอาการปวดคอเรื้อรัง ความเครียดสามารถชะลอกระบวนการบำบัด พยายามหลีกเลี่ยงให้มากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ เรียนรู้การผ่อนคลายและพยายามที่ออกจากความเครียดมากขึ้น (แต่ไม่ต้องพยายามมาก อาจทำให้เครียดยิ่งขึ้น) โดยทั่วไป การพูด การเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตไปในแนวทางสุขภาพ สามารถช่วยอย่างมากเมื่อต้องการบรรเทาจากอาการปวดคอ